Forex and Stock Trading

หากคุณเป็นเหมือนคนส่วนใหญ่ เป้าหมายของคุณคือการสร้างรายได้จากการเทรด การลงทุนในฟอเร็กซ์หรือหุ้นซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีทั้งคู่ แต่คุณอาจต้องการทราบว่าตัวเลือกใดดีกว่ากัน

ความจริงก็คือไม่มีตัวเลือกใดที่ดีกว่ากันแน่นอนร้อยเปอร์เซ็น และการตัดสินใจของคุณควรขึ้นอยู่กับประเภทการซื้อขายที่เหมาะกับเป้าหมายและสไตล์การเทรดของคุณมากกว่า ในคู่มือนี้ เราจะครอบคลุมภาพรวมของการลงทุนทางฟอเร็กซ์และการซื้อขายหุ้น ซึ่งเราจะชี้ถึงความแตกต่างของการลงทั้งสองประเภทอย่างละเอียด

ภาพรวมตลาดหุ้นและตลาด Forex

การซื้อขาย Forex เกี่ยวข้องกับการซื้อและขายสกุลเงินสองสกุลพร้อมกันในขณะที่การซื้อขายหุ้นเกี่ยวข้องกับการซื้อและขายหุ้นของแต่ละบริษัท กลไกที่อยู่ภายใต้การซื้อขายทั้งสองรูปแบบนี้แตกต่างกันมากและมีข้อได้เปรียบภายใต้สถานการณ์ที่แตกต่างกัน

แม้ว่าการซื้อขายฟอเร็กซ์และหุ้นจะมีความแตกต่างกันมากแต่ก็มีความคล้ายคลึงกันบ้าง

• ทั้งสองอย่างเกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของราคาในระยะสั้นเพื่อทำกำไร
• ทั้งผู้เทรดหุ้นและผู้เทรดฟอเร็กซ์ต่างพึ่งพาการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เพื่อระบุการเคลื่อนไหวของราคาที่มีความน่าจะเป็นและส่อให้เห็นถึงพฤติกรรมการซื้อขาย
• ทั้งสองตลาดต้องอาศัยทั้งความรู้เกี่ยวกับตลาดและการปฏิบัติตามระเบียบวินัยมากมายเพื่อประสบความสำเร็จ

ตอนนี้เรามาดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดฟอเร็กซ์เปรียบเทียบกับตลาดหุ้นกัน

หุ้น Forex: ความแตกต่างแปดอันดับแรก

• ปริมาณ

ด้วยปริมาณการซื้อขายทั่วโลกรายวันที่เกินกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์ตลาดฟอเร็กซ์จึงเป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตลาดหุ้นเป็นที่นิยมอย่างมากแต่มีปริมาณการซื้อขายทั่วโลกรายวันเพียง 84 พันล้านดอลลาร์ ขนาดของตลาดมีความสำคัญต่อการซื้อขายเนื่องจากขนาดของตลาดที่ใหญ่ขึ้นสภาพคล่องของตลาดก็จะมากขึ้น

• สภาพคล่อง

สภาพคล่องเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากทำให้การซื้อขายตราสารง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์มีสภาพคล่องสูง คุณสามารถทำกำไรได้จากการขายชอร์ตในตลาดที่เป็นขาลง ในทางกลับกัน การซื้อขายหุ้นโดยทั่วไปจะได้ผลดีที่สุดในตอนที่ตลาดเป็นขาขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นมีสภาพคล่องต่ำ ซึ่งทำให้ยากต่อการขายชอร์ตในขณะที่ตลาดเป็นขาลง

หมายเหตุ: หุ้นยอดนิยมขนาดใหญ่อาจมีสภาพคล่องสูงเนื่องจากมีหุ้นอยู่จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณเลิกซื้อขายหุ้นประเภทบลูชิปแล้ว หุ้นจะมีสภาพคล่องน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

• เลเวอเรจ

ข้อดีประการหนึ่งที่เป็นที่โปรดปรานในการซื้อขายฟอเร็กซ์คือเลเวอเรจที่เหนือกว่าที่นำเสนอโดยโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ ระดับเลเวอเรจทั่วไป ได้แก่ 50:1, 100:1 หรือ 200:1 โดยโบรกเกอร์บางรายอาจสูงถึง 500:1 ด้วยเลเวอเรจ 500:1 เทรดเดอร์ต้องมีอย่างต่ำ 0.2% ของมูลค่าที่ต้องการซื้อขายในบัญชีของตน

ซึ่งตรงกันข้ามกับเลเวอเรจ 2:1 ซึ่งเป็นเรื่องปกติในหมู่โบรกเกอร์หุ้น โบรกเกอร์หุ้นบางรายใช้เลเวอเรจสูงถึง 50:1 แต่เทรดเดอร์ยังคงต้องการมูลค่า 2% ของหุ้นที่ซื้อขายในบัญชีของตน

หมายเหตุ: เลเวอเรจที่สูงซึ่งสามารถทำให้การซื้อขายฟอเร็กซ์มีกำไรก็ทำให้เกิดความเสี่ยงสูงได้เช่นกัน ยิ่งคุณได้รับกำไรมากเท่าไร โอกาสขาดทุนก็จะมากขึ้นตามไปด้วย

• ตัวเลือกที่หลากหลาย

ปัจจุบันบริษัทประมาณ 630,000 แห่งได้รับการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก ด้วยหุ้นที่มีศักยภาพหลายพันตัวให้เลือกคุณอาจพบว่าการติดตามตลาดหุ้นนั้นยากกว่าเมื่อเทียบกับตลาดฟอเร็กซ์

โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ระหว่างประเทศส่วนใหญ่จะให้คุณระหว่าง 40 และ 70 สกุลเงินอย่างไรก็ตามมีเพียง 18 คู่สกุลเงินทั่วไปที่แสดงถึงปริมาณการซื้อขายส่วนใหญ่ในตลาดฟอเร็กซ์

• การเข้าถึงตลาด

ตลาดหุ้นเปิดให้บริการในช่วงเวลาทำการของตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์หลักๆ หลายแห่ง รวมถึง NYSE และ NASDAQ ได้ขยายเวลาการซื้อขายออกไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จับได้ก็คือช่วงการซื้อขายที่ขยายออกไปนั้นโดยทั่วไปจะมีปริมาณการซื้อขายต่ำและมีสภาพคล่องต่ำ

เซสชันตลาดฟอเร็กซ์โดยทางเทคนิคแล้วจำกัดไว้เฉพาะเวลาทำการ ตามตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม มีหลายตลาดทั่วโลกในเขตเวลาที่ต่างกัน ดังนั้นเทรดเดอร์จึงสามารถเข้าร่วมซื้อขายในตลาดได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตลาดปิดทำการเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่ด้วยโซนเวลาที่ไหลลื่น แม้แต่วันนี้ก็ยังถูกบีบรัดมากขึ้น ทำให้ตลาดฟอเร็กซ์เปิดเกือบตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน/7

ข้อเสียเปรียบอย่างหนึ่งของตลาดฟอเร็กซ์ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงคือตลาดยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ แม้ว่าคุณจะไม่ได้ซื้อขายอย่างแอคทีพและคุณอาจต้องทำงานในช่วงเวลาไม่ปกติเพื่อปิดการซื้อขายบางตราสาร

• ผู้สร้างแรงบันดาลใจด้านราคา

ราคา Forex ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่จากข่าวทั่วโลกซึ่งแสดงถึงความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ คุณจะต้องติดตามปัญหาเศรษฐกิจมหภาคเช่น GDP การเติบโตของการจ้างงานและแนวโน้มทางการเมืองในภูมิภาคนั้นๆ

ราคาหุ้นอาจตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจมหภาคในวงกว้างแต่โดยปกติแล้วจะตอบสนองต่อข่าวหรือรายงานรายได้เกี่ยวกับหุ้นหรือภาคธุรกิจที่บริษัทมีอยู่ ความรู้เกี่ยวกับตัวชี้วัดต่างๆเช่นกระแสเงินสดความสามารถในการทำกำไรและหนี้สินของบริษัทเป็นสิ่งสำคัญ

• ค่าใช้จ่าย

โดยทั่วไปแล้วโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์จะไม่เรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น โดยจะทำกำไรจากค่าสเปรดแทน โดยทั่วไปแล้ว Forex จะมีสเปรดและต้นทุนการทำธุรกรรมที่ต่ำมาก เนื่องจากสภาพคล่องสูงมีแนวโน้มที่สเปรดจะแคบกว่าและต้นทุนการทำธุรกรรมที่ต่ำกว่า

คู่สกุลเงินแปลกใหม่จะมีสภาพคล่องน้อยกว่ามาก ดังนั้นจึงมีสเปรดที่สูงกว่าและต้นทุนการทำธุรกรรมก็สูงกว่าเมื่อเทียบกับคู่หลักและคู่รอง ในทำนองเดียวกันตลาดหุ้นมีสภาพคล่องต่ำส่งผลให้ต้นทุนการทำธุรกรรมสูงขึ้น ผู้ค้าหุ้นจะต้องจ่ายทั้งค่าสเปรดและค่าคอมมิชชันให้กับนายหน้า

• กฎระเบียบ

การซื้อขายหุ้นในตลาดแลกเปลี่ยนหลักๆ ทั้งหมดมีกฎระเบียบและข้อจำกัดมากมาย แต่การซื้อขายฟอเร็กซ์นั้นมีการควบคุมน้อยกว่ามาก ซึ่งมีทั้งผลเชิงบวกและเชิงลบ ตลาดหลักทรัพย์หลักๆ อาจกำหนดข้อจำกัดที่ไม่พึงประสงค์ แต่สิ่งนี้จะปกป้องคุณในระดับที่การซื้อขายกับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์บางรายไม่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตาม นี่คือจุดที่ความรอบคอบของคุณจะได้รับผลตอบแทนเมื่อเลือกเทรดกับโบรกเกอร์ที่ได้รับการควบคุม

การลงทุน Forex หรือการซื้อขายหุ้น: อันไหนดีกว่าสำหรับคุณ ?

เทรดเดอร์บางรายเลือกที่จะซื้อขายทั้งฟอเร็กซ์และหุ้น แต่ถ้าคุณต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความรู้ของคุณที่มีเกี่ยวกับตลาดนั้นๆ เป้าหมายของคุณ รูปแบบการซื้อขายของคุณ และความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ ทั้งสองตลาดเสนอโอกาสในการลงทุนที่หลากหลายพร้อมสิทธิพิเศษและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ดังนั้นคุณต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

ไม่ว่าคุณจะเลือกตลาดใดก็ตาม คุณสามารถ ซื้อขายกับ FP Markets ได้ พวกเขานำเสนอเทคโนโลยีการซื้อขายขั้นสูง เอื้ออำนวยให้คุณสามารถทำการซื้อขายฟอเร็กซ์ หุ้น และเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ มากมาย